ในบทความนี้ผมอยากที่จะหยิบยกประเด็นในเรื่องของ ความแตกต่างระหว่างบันไดเสียง กับ กุญแจเสียง จากประสบการณ์การสอนทฤษฎีดนตรีสากล มากว่า 15 ปี ในเกือบทุกๆ ครั้งผมเองก็ต้องเตรียมเนื้อหาในการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนเป็นรายคนไป
บางคนก็เรียนรู้ได้เร็ว บางคนก็ต้องใช้เวลาหน่อย แต่ในที่สุดแล้วมันคือความท้าทายของครูที่จะเตรียมการสอนอย่างไร ให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
บทเรียนในทฤษฎีดนตรีบางอย่าง สามารถนำมาสอนร่วมกันได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแตกฉาน นอกเหนือไปจากการท่องจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเรียนทฤษฎีดนตรี
นักเรียนต้องจำนะครับ แรกๆ อาจจะไม่ค่อยเคยชิน เหมือนกับ เวลาที่เราพยายามจำชื่อซอยหรือถนนต่างๆ แรกๆ อาจจะหลงบ้าง แต่เมื่อจำได้แล้วทั้งชีวิตก็ไม่มีทางที่จะหลงทางในบริเวณนั้นได้อีก ซึ่งมันก็เหมือนกันกับการที่เราจำแก่นของทฤษฎีดนตรีได้นั่นเอง
บันไดเสียง คืออะไร
บันไดเสียง คือ การไล่โน้ตตั้งแต่ 5-12 ตัวที่เรียงกันตามลำดับ หรือ โครงสร้างของบันไดเสียงนั้นๆ ในทฤษฎีดนตรีสากลบันไดเสียงก็จำแนกออกเป็น 2 ประเภท ก็คือ บันไดเสียงไดอาโทนิก (Diatonic scale) และบันไดเสียงโครมาติก (Chromatic scale)
- บันไดเสียงไดอาโทนิก คือ บันไดเสียงที่ไล่โน้ตครบทั้ง 7 ตัวตามลำดับตัวอักษรและครบช่วงคู่แปด โดยไม่ซ้ำกัน และในบันไดเสียงไดอาโทนิกนี้ ก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ก็คือ บันไดเสียงเมเจอร์ และ บันไดเสียงไมเนอร์ อีก
- บันไดเสียงโครมาติก คือ บันไดเสียงที่ไล่โน้ตครบช่วงคู่แปด แต่ใช้ตัวอักษรที่ซ้ำกัน


กุญแจเสียง คืออะไร
จะว่าไปแล้ว บันไดเสียงกับกุญแจเสียงมีความสัมพันธ์กันมาก ในทางเทคนิค กุญแจเสียง คือ การกำหนดว่าบทเพลงนั้นอยู่ใน กุญแจเสียงอะไร และในกุญแจเสียงที่กำหนดนั้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าบทเพลงที่เล่นนั้นใช้บันไดเสียงใดในการเริ่มต้นทำนองเพลง นอกจากนี้กุญแจเสียงยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ใช้ในการกำหนดทิศทางของเพลง กำหนด Chord progression โดยจะมีเครื่องหมายแปลงเสียงบันทึกไว้ตอนต้นของโน้ตเพลง

เรียนบันไดเสียง กับ กุญแจเสียงไปพร้อมกันได้หรือไม่
เวลาที่ผมสอน ผมจะสอน 2 หัวข้อนี้ไปพร้อมๆกัน เพราะมันมีความเหมือนกันในวิธีคิด แต่จะต่างกันเพียงแค่วิธีนำไปใช้
บันไดเสียงกับกุญแจเสียง มี 2 ทางเหมือนกัน คือ ทางเมเจอร์และทางไมเนอร์ เพื่อการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและไม่ทำให้รู้สึกยากเกินไป นักเรียนควรเรียนทฤษฎีดนตรีในหัวข้อ ขั้นคู่เสียง เสียก่อน